ท็อปส์ ย้ำจุดยืนรับวันสิ่งแวดล้อมโลก เดินหน้ามิชชั่นเน็ตซีโร่ เปลี่ยนการจำหน่ายเบียร์ขวดแก้วสู่บรรจุภัณฑ์อะลูมิเนียม บนพื้นที่เกาะพะงัน ลดปัญหามลพิษขยะตกค้างทางทะเล ยกระดับทะเลไทยสู่ Sustainable Island Tourism Destination
กรุงเทพฯ 5 มิถุนายน 2568 – ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ย้ำจุดยืนรับวันสิ่งแวดล้อมโลก เดินหน้ายกระดับภารกิจรักษ์โลกผ่านกลยุทธ์ '12 Missions to Sustainable Retail' ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของท็อปส์เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน ดำเนินการภายใต้แนวคิด "Small Acts Together" หรือ พลังเล็กๆ เพื่อโลกที่ยั่งยืน ที่สอดคล้องไปกับกลยุทธ์ "CRC Care" ของเซ็นทรัล รีเทล ในด้าน Care of the Environment โดยเปลี่ยนการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเบียร์จากบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วสู่บรรจุภัณฑ์กระป๋องอลูมิเนียม หลังพบปัญหาปริมาณขยะตกค้างบริเวณชายฝั่งทะเล เริ่มนำร่องที่ท็อปส์และท็อปส์ เดลี่ รวมทั้ง 8 สาขาบนพื้นที่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมยกระดับเกาะพะงันสู่แหล่งท่องเที่ยวต้นแบบสีเขียวในประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายในการลดขยะขวดแก้วบนเกาะพะงันจาก 60-75 ตัน/วัน เหลือแค่ 15 ตันต่อวัน เพื่อลดภาระการกำจัดปริมาณขยะของเทศบาลลดลง 75% ต่อวัน พร้อมกันนี้ในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน ท็อปส์ขอย้ำจุดยืนในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ ผ่านภารกิจและโครงการที่จับต้องได้ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ
นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า "ปัจจุบันขยะทะเลยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องการความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชนในการแก้ไข และบริหารจัดการขยะทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อมูลจากการสำรวจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในปี 2566 ระบุว่า ปริมาณขยะที่ถูกจัดการไม่ถูกต้องและส่งผลให้เกิดขยะทะเลมีจำนวนสูงถึง 34,000 – 51,000 ตัน ท็อปส์ในฐานะองค์กรค้าปลีกที่ดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน และมุ่งสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมมือกับมูลนิธิการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน (มูลนิธิ 3R) กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี เทศบาลตำบลเกาะพะงัน เทศบาลตำบลบ้านใต้ เทศบาลตำบลเพชรพะงัน และสมาคมโรงแรมและการท่องเที่ยวเกาะพะงัน ในโครงการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์ตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) โดยเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแนวทางการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเบียร์จากบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วมาเป็นบรรจุภัณฑ์กระป๋องอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบากว่า ง่ายต่อการขนย้ายและสามารถรีไซเคิลได้ 100% เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนและลดปริมาณขยะตกค้างตั้งแต่ต้นทาง ลดอันตรายจากเศษ
" เพื่อบรรลุถึงพันธะสัญญาที่จะสร้างความยั่งยืนในทุกมิติตั้งแต่ ผู้คน ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เราได้เริ่มนำร่องเปลี่ยนการจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มประเภทเบียร์บรรจุภัณฑ์ขวดแก้วมาเป็นบรรจุภัณฑ์กระป๋องอลูมิเนียมที่ท็อปส์และท็อปส์ เดลี่ รวม 8 สาขา บนพื้นที่เกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของไทยที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาสังสรรค์และพักผ่อนหย่อนใจกว่าพันคนต่อเดือน ก่อนจะขยายผลไปยังผลิตภัณฑ์บรรจุขวดแก้วอื่นๆ ต่อไป"
นอกจากการริเริ่มเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเบียร์จากขวดแก้วสู่กระป๋องอลูมิเนียมแล้ว ท็อปส์ยังคงเดินหน้าภารกิจอื่นๆ ด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อมั่นในพลังเล็ก ๆ ที่ร่วมมือกันจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เพื่อนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คนในสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด "Small Acts Together" ผ่านกลยุทธ์ '12 Missions to Sustainable Retail' เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 อาทิ การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ My Choice เชอรี่ ที่สามารถย่อยสลายได้และไม่่เคลือบพลาสติก 100% การติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ที่ร้านท็อปส์ในสาขาสแตนอโลน การติดตั้งตู้เย็นประหยัดพลังงาน ที่ใช้นวัตกรรมระบบทำความเย็นเพื่อควบคุมอุณหภูมิได้ดียิ่งขึ้นและช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 35% เมื่อเปรียบเทียบกับระบบตู้เย็นแบบเปิด รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า เพื่อกระจายสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าไปยังร้าน TOPS และ TOPS DAILY ส่งต่ออาหารส่วนเกินที่มีคุณภาพ ไปยังชุมชนที่มีความต้องการในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th, เฟซบุ๊ก TopsThailand, หรือแอปพลิเคชันไลน์ @TopsThailand
#Tops #EveryDayDISCOVERY #SmallActsTogether
###
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ" หรือ "เซ็นทรัล รีเทล") เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจค้าส่ง สินค้าหลากหลายประเภท ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Format Multi-Category Omnichannel Retail และ Wholesale Platform) ในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด 3,844 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านซูเปอร์มาร์เก็ต มินิซูเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่ โก โฮลเซลล์ ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี รวมทั้ง เฮลธ์แอนด์ เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี ในประเทศไทย ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี/ โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (3) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 43 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ขวัญสุดา (ต้นอ้อ) โทร. 062-553-5465 | ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชนติดต่อ เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์ – JC&CO COMMUNICATIONS – สิทธิกร ชิตเทพ / +6694-331-6996 / sitdhikornc@jcco.co.th รัญชนา นพรัตน์ / +6684-636-1700 / runchanan@jcco.co.th เก็จมณี เหมทานนท์ / +6688-394-4210 / getmaneeh@jcco.co.th
** LINE OFFICIAL: @JCCOTHAILAND |
Regards,
Media Relations Division
Public Relations Department
Email: newscenter@jcco.co.th
LINE OFFICIAL: @jccothailand
No comments